ประวัติความเป็นมา





       ผ้าแพรวา หรือ ผ้าไหมแพรวาเป็นผ้าทอมืออันเป็นเอกลักษณ์ของชาวผู้ไทยหรือภูไท การทอผ้าแพรวามีมาพร้อมกับวัฒนธรรมของชาวภูไท ซึ่งเป็นชนกลุ่มหนึ่งมีถิ่นกำเนิดในบริเวณแคว้นสิบสองจุไทย (ดินแดนส่วนเหนือของลาว และ เวียดนาม ซึ่งติดต่อกับดินแดนภาคใต้ของจีน) อพยพเคลื่อนย้ายผ่านเวียดนาม ลาว แล้วข้ามฝั่งแม่น้ำโขงเข้ามาตั้งหลักแหล่งอยู่แถบเทือกเขาภูพานทางภาคอีสานของไทย ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในจังหวัดกาฬสินธุ์ นครพนม มุกดาหาร สกลนคร โดยยังคงรักษาวัฒนธรรมประเพณีเกี่ยวกับการแต่งกาย

      ผ้าแพรวามีการทอกันมาแต่โบราณ เป็นการทอผ้าไหมที่มีภูมิปัญญาในการทอใช้วิธีการเก็บลายโดยการขิดลาย มีการทำลวดลายบนผืนผ้าโดยการใช้นิ้วก้อยในการล้วงเกาะ ไม้หนึ่งเกาะ2เที่ยวเพื่อให้ลายนูน การทอลักษณะนี้จะทำให้ลวดลายผ้าปรากฎอยู่ด้านล่าง ซึ่งเป็นภูมิปัญญาที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากบรรพบุรุษ เดิมการทอผ้าแพรวาเพื่อใช้เป็นผ้าสไบ มีหน้ากว้าง 30 เซนติเมตร ต่อมามีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีขนาดหน้ากว้างประมาณ 60 หรือ 80 เซนติเมตร ใช้สีพื้นเป็นสีแดงใช้ครั่งเป็นสีย้อม ส่วนลวดลายต่างๆบนผืนผ้าแพรวาก็จะมีหลากหลาย โดยแบ่งเรียกตามลายหลักในแต่ละช่องหรือที่ชาวบ้านเรียกว่าดอก ผ้าแพรวาแต่ละผืนจะมีจำนวนลายไม่เท่ากัน ยิ่งมีลวดลายมากก็จะยิ่งทำยากและใช้เวลาในการทอค่อนข้างนาน ซึ่งในแต่ละลายก็จะมีลายคั่นเป็นตัวคั่น

      นอกจากนี้การทำลวดลายที่ใช้นิ้วก้อยเกาะเกี่ยวเส้นไหมจะทำให้สามารถเกิดความหลากหลายของสีในแต่ละลายบนผืนผ้าแพรวาได้ การให้สีสันของลายแต่ละลายของผ้าแพรวาจะนิยมสีค่อนข้างเข้ม เช่น
เขียว เหลือง น้าเงินดำ เป็นต้น คุณลักษณะดังที่กล่าวมานั้นก็คือความเป็นเอกลักษณ์พิเศษเฉพาะของผ้าแพรวาในสมัยโบราณที่ทำลวดลายแบบล้วงเกาะหรือเรียกว่าแพรวาเกาะ

     ผ้าแพรวาเป็นผ้าไหมชนิดหนึ่งได้รับการสนับสนุนและส่งเสริมจากโครงการศูนย์ศิลปาชีพในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ เมื่อครั้งเสด็จเยี่ยมพสกนิกรชาวอำเภอคำม่วง จังหวัดกาฬสินธ์เมื่อปี พ.ศ. 2519 ได้ทอดพระเนตรเห็นชาวภูไท บ้านโพน แต่งตัวโดยใช้ผ้าแพรวาสะพายเฉียง ได้ทรงสนพระทัยมากจึงโปรดให้มีการสนับสนุนและส่งเสริมมาอย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันผ้าแพรวาได้มีการประยุกต์พัฒนามาอย่างต่อเนื่อง และเมื่อปี พ.ศ. 2524 ได้มีพระราชดำริให้ขยายหน้าผ้าให้กว้างขึ้น เพื่อที่จะได้นำไปใช้เป็นผ้าผืนสำหรับตัดเสื้อผ้าได้ อีกทั้งได้เกิดการประยุกต์การทำลวดลายบนผืนผ้าให้เหมาะสมกับสภาพทางเศรษฐกิจและตรงกับตามความต้องการของตลาด โดยทำลวดลายง่ายๆแบบเก็บขิดมีสองสีคือสีพื้นกับสีที่ลายเรียกว่าแพรวาล่วง หรือผ้าแพรวาจกที่มีการเติมสีลายเล็กๆบนผ้าแพรวาล่วง ซึ่งแสดงให้เห็นได้ว่า พระองค์ท่านได้ทรงให้ความสนใจการพัฒนาการทอผ้าแพรวามาโดยตลอด จนทำให้ผ้าไหมแพรวามีความงดงาม มีเสน่ห์ต่อผู้ที่ได้พบเห็นและสัมผัส


บรรณนุกรมหนังสือภาษาไทย
ผศ. กาญจนา ภาณุโสภณ.  ศิลปวัฒนธรรม : องค์ความรู้การพัฒนาผลิตภัณฑ์ไหมไทยกรุงเทพมหานคร. 2555

บรรณานุกรมข้อมูลออนไลน์
"ผ้าไหมแพรวา".  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : https://th.wikipedia.org/wiki/ผ้าไหมแพรวา.  (วันที่ค้นข้อมูล : 2 พฤศจิกายน 2559).

HelloTH.  "ประวัติและความเป็นมาของผ้าไหม".  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : http://thaiphamai.blogspot.com/2013/04/blog-post.html. (วันที่ค้นข้อมูล : 3 พฤศจิกายน 2559)
Creative Commons License
This work is licensed under a Creative Commons Attribution 4.0 International License.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น